NameMemory

คู่มือการย้ายและเปลี่ยนแปลง

สารบัญ

📱 คู่มือการย้ายข้อมูลเมื่อเปลี่ยนเครื่อง

การเตรียมตัวก่อนย้าย

ข้อมูลที่สามารถย้ายได้

ใน NameMemory คุณสามารถย้ายข้อมูลต่อไปนี้ได้:

  • ข้อมูลบุคคล (ชื่อ, โน้ต, แท็ก, ชื่อบริษัท/องค์กร)
  • ไฟล์รูปภาพและภาพถ่าย
  • กำหนดการทบทวน (รวมถึงวันที่ทบทวนครั้งถัดไปของแต่ละบุคคลและฟิลด์ที่เกี่ยวข้องกับ SM-2 ไม่รวมบันทึกการทบทวนรายบุคคล)
  • การตั้งค่าแอป (รายการตั้งค่าหลัก เช่น การตั้งค่าการแจ้งเตือน, การตั้งค่าธีม)

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • เครื่องเก่าและเครื่องใหม่
  • สาย USB (กรณี Android สู่ Android)
  • บัญชีบริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Google Drive, iCloud, OneDrive ฯลฯ)
  • พื้นที่ว่างเพียงพอ (สำหรับไฟล์สำรองข้อมูล)
  • รหัสผ่าน 8 หลักขึ้นไป (สำหรับเข้ารหัสไฟล์สำรองข้อมูล)

ข้อควรระวังในการย้ายข้อมูล

  • โปรดสร้างไฟล์สำรองข้อมูลก่อนย้ายทุกครั้ง
  • โปรดจดรหัสผ่านไว้ในที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันการลืม
  • ห้ามใช้แอปในระหว่างการย้ายข้อมูล
  • หลังจากย้ายข้อมูลเสร็จสิ้น โปรดตรวจสอบว่าข้อมูลแสดงผลถูกต้องหรือไม่

การย้ายข้อมูล Android → Android

1 สร้างไฟล์สำรองข้อมูลในเครื่องเก่า
เวลาที่ใช้: ประมาณ 2-3 นาที
  1. เปิดแอป NameMemory
  2. แตะหน้าจอการตั้งค่า (⚙️)
  3. เลือกส่วน "การจัดการข้อมูล"
  4. แตะ "สำรองข้อมูล"
  5. ป้อนรหัสผ่าน 8 หลักขึ้นไป
  6. แตะ "บันทึก"

เพิ่มเติม

ไฟล์สำรองข้อมูลจะถูกสร้างในรูปแบบ ZIP และรวมรูปภาพไว้ด้วย

2 ถ่ายโอนไฟล์สำรองข้อมูล
เวลาที่ใช้: ประมาณ 1-2 นาที

วิธี A: สาย USB (แนะนำ)

  1. เชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งสองด้วยสาย USB
  2. เลือกโหมด "ถ่ายโอนไฟล์" ในเครื่องเก่า
  3. คัดลอกไฟล์สำรองข้อมูลไปยังโฟลเดอร์ "ดาวน์โหลด" ของเครื่องใหม่

วิธี B: บริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์

  1. อัปโหลดไปยัง Google Drive, OneDrive ฯลฯ ในเครื่องเก่า
  2. เข้าสู่ระบบบัญชีเดียวกันในเครื่องใหม่
  3. ดาวน์โหลดไฟล์สำรองข้อมูล
3 ติดตั้งแอปในเครื่องใหม่
เวลาที่ใช้: ประมาณ 1-2 นาที
  1. เปิด Google Play Store
  2. ค้นหา "NameMemory"
  3. แตะ "ติดตั้ง"
  4. รอจนกว่าการติดตั้งจะเสร็จสิ้น
4 กู้คืนจากไฟล์สำรองข้อมูล
เวลาที่ใช้: ประมาณ 2-3 นาที
  1. เปิดแอป NameMemory
  2. แตะหน้าจอการตั้งค่า (⚙️)
  3. เลือกส่วน "การจัดการข้อมูล"
  4. แตะ "กู้คืน"
  5. เลือกไฟล์สำรองข้อมูล (.zip)
  6. ป้อนรหัสผ่าน
  7. แตะ "กู้คืน"
5 ตรวจสอบข้อมูล
เวลาที่ใช้: ประมาณ 1-2 นาที
  1. ตรวจสอบว่ารายการบุคคลแสดงผลถูกต้องหรือไม่
  2. ตรวจสอบว่ารูปภาพแสดงผลหรือไม่
  3. ตรวจสอบว่ากำหนดการทบทวนถูกต้องหรือไม่
  4. ตรวจสอบว่าการตั้งค่าถูกย้ายมาหรือไม่

ในกรณีที่เกิดปัญหา

หากข้อมูลแสดงผลไม่ถูกต้อง โปรดดูส่วนการแก้ไขปัญหา

การย้ายข้อมูล iOS → iOS

1 สร้างไฟล์สำรองข้อมูลในเครื่องเก่า
เวลาที่ใช้: ประมาณ 2-3 นาที
  1. เปิดแอป NameMemory
  2. แตะหน้าจอการตั้งค่า (⚙️)
  3. เลือกส่วน "การจัดการข้อมูล"
  4. แตะ "สำรองข้อมูล"
  5. ป้อนรหัสผ่าน 8 หลักขึ้นไป
  6. แตะ "บันทึก"
2 ถ่ายโอนไฟล์สำรองข้อมูล
เวลาที่ใช้: ประมาณ 1-2 นาที

วิธี A: AirDrop (แนะนำ)

  1. เปิดใช้งาน AirDrop ในอุปกรณ์ทั้งสอง
  2. เลือกไฟล์สำรองข้อมูลในเครื่องเก่า
  3. ส่งไปยังเครื่องใหม่

วิธี B: iCloud Drive

  1. อัปโหลดไปยัง iCloud Drive ในเครื่องเก่า
  2. เข้าสู่ระบบ Apple ID เดียวกันในเครื่องใหม่
  3. ดาวน์โหลดจาก iCloud Drive
3 ติดตั้งแอปในเครื่องใหม่
เวลาที่ใช้: ประมาณ 1-2 นาที
  1. เปิด App Store
  2. ค้นหา "NameMemory"
  3. แตะ "รับ"
  4. รอจนกว่าการติดตั้งจะเสร็จสิ้น
4 กู้คืนจากไฟล์สำรองข้อมูล
เวลาที่ใช้: ประมาณ 2-3 นาที
  1. เปิดแอป NameMemory
  2. แตะหน้าจอการตั้งค่า (⚙️)
  3. เลือกส่วน "การจัดการข้อมูล"
  4. แตะ "กู้คืน"
  5. เลือกไฟล์สำรองข้อมูล
  6. ป้อนรหัสผ่าน
  7. แตะ "กู้คืน"
5 ตรวจสอบข้อมูล
เวลาที่ใช้: ประมาณ 1-2 นาที
  1. ตรวจสอบว่ารายการบุคคลแสดงผลถูกต้องหรือไม่
  2. ตรวจสอบว่ารูปภาพแสดงผลหรือไม่
  3. ตรวจสอบว่ากำหนดการทบทวนถูกต้องหรือไม่
  4. ตรวจสอบว่าการตั้งค่าถูกย้ายมาหรือไม่

การย้ายข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม Android ↔ iOS

ข้อจำกัดในการย้ายข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม

  • การตั้งค่าการแจ้งเตือนจะไม่ถูกย้าย (ต้องตั้งค่าใหม่ในแต่ละแพลตฟอร์ม)
  • การตั้งค่าแอปบางอย่างอาจไม่ถูกย้าย
  • อาจใช้เวลาในการแสดงรูปภาพเนื่องจากเส้นทางไฟล์รูปภาพแตกต่างกัน
1 สร้างไฟล์สำรองข้อมูล
เวลาที่ใช้: ประมาณ 2-3 นาที
  1. เปิดแอป NameMemory ในเครื่องเก่า
  2. แตะหน้าจอการตั้งค่า (⚙️)
  3. เลือกส่วน "การจัดการข้อมูล"
  4. แตะ "สำรองข้อมูล" (ZIP ที่สร้างขึ้นจะรวมรูปภาพไว้ด้วย)
  5. ป้อนรหัสผ่าน 8 หลักขึ้นไป
  6. แตะ "บันทึก"

เพิ่มเติม

ไฟล์สำรองข้อมูลจะถูกสร้างในรูปแบบ ZIP (รวมรูปภาพ) โปรดใช้ไฟล์ ZIP นี้ในการย้ายข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม

2 ถ่ายโอนผ่านบริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์
เวลาที่ใช้: ประมาณ 2-5 นาที

บริการที่แนะนำ:

  • Google Drive (รองรับทั้ง Android และ iOS)
  • OneDrive (บัญชี Microsoft)
  • Dropbox
  • iCloud Drive (ใช้งานได้บน iOS)
  1. เปิดแอปบริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ในเครื่องเก่า
  2. อัปโหลดไฟล์สำรองข้อมูล
  3. เข้าสู่ระบบบัญชีเดียวกันในเครื่องใหม่
  4. ดาวน์โหลดไฟล์สำรองข้อมูล
3 ติดตั้งแอปในเครื่องใหม่
เวลาที่ใช้: ประมาณ 1-2 นาที

กรณี Android:

  1. ค้นหาและติดตั้ง "NameMemory" บน Google Play Store

กรณี iOS:

  1. ค้นหาและติดตั้ง "NameMemory" บน App Store
4 กู้คืนจากไฟล์สำรองข้อมูล
เวลาที่ใช้: ประมาณ 3-5 นาที
  1. เปิดแอป NameMemory
  2. แตะหน้าจอการตั้งค่า (⚙️)
  3. เลือกส่วน "การจัดการข้อมูล"
  4. แตะ "กู้คืน"
  5. เลือกไฟล์สำรองข้อมูลรูปแบบ ZIP
  6. ป้อนรหัสผ่าน
  7. แตะ "กู้คืน"
  8. รอจนกว่าการกู้คืนจะเสร็จสิ้น (หากมีรูปภาพมากอาจใช้เวลา)
5 ตรวจสอบข้อมูล
เวลาที่ใช้: ประมาณ 1-2 นาที
  1. ตรวจสอบว่ารายการบุคคลแสดงผลถูกต้องหรือไม่
  2. ตรวจสอบว่ารูปภาพแสดงผลหรือไม่ (ครั้งแรกอาจใช้เวลา)
  3. ตรวจสอบว่ากำหนดการทบทวนถูกต้องหรือไม่
  4. ตรวจสอบว่าชื่อบริษัท/องค์กรแสดงผลถูกต้องหรือไม่
6 ตั้งค่าใหม่
เวลาที่ใช้: ประมาณ 1-2 นาที
  1. ตั้งค่าการแจ้งเตือนใหม่
  2. ตรวจสอบ/ปรับการตั้งค่าธีม
  3. ตรวจสอบ/ปรับการตั้งค่าภาษา
  4. ตรวจสอบการตั้งค่าแอปอื่นๆ

เสร็จสิ้น

การย้ายข้อมูลข้ามแพลตฟอร์มเสร็จสมบูรณ์แล้ว ข้อมูลของคุณถูกย้ายอย่างสมบูรณ์ และคุณสามารถใช้ NameMemory บนเครื่องใหม่ได้

🔄 คู่มือการเปลี่ยนแปลงการอัปเกรดเวอร์ชัน

ฟีเจอร์หลัก

ฟังก์ชันพื้นฐาน

  • การจัดการการ์ดบุคคล (รูปภาพ, ชื่อ, โน้ต, แท็ก)
  • ระบบทบทวนทางวิทยาศาสตร์ (อัลกอริทึม SM-2)
  • การแจ้งเตือนการทบทวนผ่านการแจ้งเตือนในเครื่อง
  • ฟังก์ชันสร้างอวตาร (เชื่อมต่อกับ Avataaars.io)
  • ฟังก์ชันสำรองข้อมูลและกู้คืนแบบเข้ารหัส (การเข้ารหัส AES)
  • รองรับหลายภาษา (16 ภาษา)
  • ใช้งานได้ในทุกสถานการณ์ (ไม่ว่าจะเป็นชีวิตประจำวันหรือธุรกิจ)

คู่มือการตั้งค่าเริ่มต้น

  1. เปิดแอปครั้งแรก
  2. เลือกภาษา (ไทย/English/ภาษาอื่นๆ 14 ภาษา)
  3. การตั้งค่าการอนุญาตการแจ้งเตือน
  4. การอนุญาตเข้าถึงกล้องและพื้นที่เก็บข้อมูล
  5. เพิ่มบุคคลแรก

ข้อมูลการอัปเกรดเวอร์ชันในอนาคต

วิธีตรวจสอบประวัติการเปลี่ยนแปลง

  1. ค้นหา NameMemory ใน App Store หรือ Play Store
  2. ตรวจสอบ "ประวัติการอัปเดต" หรือ "มีอะไรใหม่"
  3. (โปรดตรวจสอบประวัติการเปลี่ยนแปลงในข้อมูลอัปเดตภายในแอปหรือบันทึกประจำรุ่น)

การตั้งค่าอัปเดตอัตโนมัติ

Android (Google Play):

  1. เปิด Google Play Store
  2. แตะไอคอนโปรไฟล์ที่มุมบนขวา
  3. "การตั้งค่า" → "อัปเดตแอปอัตโนมัติ"
  4. เลือก "ผ่าน Wi-Fi เท่านั้น" หรือ "ผ่านทุกเครือข่าย"

iOS (App Store):

  1. เปิดแอป "การตั้งค่า"
  2. เลือก "App Store"
  3. เปิด "รายการอัปเดตแอป"

ขั้นตอนการอัปเดตด้วยตนเอง

Android:

  1. เปิด Google Play Store
  2. แตะ "แอปและเกมของฉัน"
  3. แตะปุ่ม "อัปเดต" ของ NameMemory

iOS:

  1. เปิด App Store
  2. เลือกแท็บ "รายการอัปเดต"
  3. แตะปุ่ม "อัปเดต" ของ NameMemory

ข้อควรระวังในการอัปเกรดเวอร์ชัน

แนะนำให้สำรองข้อมูล

แนะนำให้สร้างไฟล์สำรองข้อมูลทุกครั้งก่อนการอัปเดตที่สำคัญ:

  1. "สำรองข้อมูล" ในหน้าจอการตั้งค่า
  2. ตั้งรหัสผ่าน 8 หลักขึ้นไป
  3. บันทึกไฟล์สำรองข้อมูลไว้ในที่ปลอดภัย

ข้อมูลความเข้ากันได้

  • มีแผนจะรักษาความเข้ากันได้กับเวอร์ชันเก่า
  • รูปแบบฐานข้อมูล: มีแผนจะรองรับการย้ายข้อมูลอัตโนมัติ
  • ไฟล์การตั้งค่า: มีแผนจะรองรับการย้ายข้อมูลอัตโนมัติ

สำคัญ: แก้ไขการตรวจสอบการซื้อในแอป (2025‑11‑12)

ปรับปรุงการตรวจสอบและตรรกะการกู้คืนการซื้อ หากฟีเจอร์เสียค่าบริการถูกล็อกหลังอัปเดต:

  1. ไปที่ การตั้งค่า > การซื้อ แล้วแตะ “กู้คืนการซื้อ”
  2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเข้าสู่ระบบด้วย บัญชี Google/Apple เดียวกัน กับที่ใช้ซื้อ
  3. รีสตาร์ทแอป หลังการกู้คืนเสร็จสิ้น
  4. หากยังล้มเหลว ให้อัปเดตแอปเป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้วลองอีกครั้ง
  5. ติดต่อ ฝ่ายสนับสนุน หากปัญหายังคงอยู่

หมายเหตุ: การกู้คืนข้ามแพลตฟอร์ม (Android ↔ iOS) ไม่รองรับ ตามข้อกำหนดของร้านค้า

การตรวจจับใบหน้า (Google ML Kit)

  • การตรวจจับทำงาน บนอุปกรณ์; จะไม่ส่งรูปภาพหรือข้อมูลใบหน้าไปยังเซิร์ฟเวอร์
  • ครั้งแรกที่ใช้งาน อาจต้องดาวน์โหลดโมเดล ML จาก Google (จะไม่อัปโหลดรูปของคุณ)
  • โปรดอนุญาต สิทธิ์กล้อง เพื่อใช้งานกล้อง

หากการตรวจจับไม่เริ่ม ให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหนึ่งครั้งเพื่อดาวน์โหลดโมเดล แล้วลองอีกครั้ง

🛠️ การแก้ไขปัญหา

ปัญหาเกี่ยวกับการสำรองข้อมูล

หาไฟล์สำรองข้อมูลไม่พบ

สาเหตุ: ไฟล์ไม่ได้ถูกบันทึก หรือไม่ทราบตำแหน่งที่บันทึก

วิธีแก้ไข:

  1. ตรวจสอบโฟลเดอร์ "ดาวน์โหลด" ของอุปกรณ์
  2. ค้นหา "NameMemory" ด้วยชื่อไฟล์
  3. ค้นหาด้วยแอปจัดการไฟล์
  4. สร้างไฟล์สำรองข้อมูลอีกครั้ง
ลืมรหัสผ่าน

สาเหตุ: ไม่ได้จดรหัสผ่านขณะสำรองข้อมูล

วิธีแก้ไข:

  1. ตรวจสอบบันทึกในแอปจัดการรหัสผ่าน
  2. ตรวจสอบบันทึกในแอปโน้ตหรือสมุดบันทึก
  3. สร้างไฟล์สำรองข้อมูลใหม่ (และจดรหัสผ่านไว้)
  4. ไฟล์สำรองข้อมูลที่ลืมรหัสผ่านจะไม่สามารถกู้คืนได้

ปัญหาเกี่ยวกับการกู้คืน

ข้อมูลไม่แสดงหลังจากกู้คืน

สาเหตุ: กระบวนการกู้คืนยังไม่เสร็จสิ้น หรือไฟล์เสียหาย

วิธีแก้ไข:

  1. รีสตาร์ทแอป
  2. รอจนกว่ากระบวนการกู้คืนจะเสร็จสิ้น
  3. ลองใหม่ด้วยไฟล์สำรองข้อมูลอื่น
  4. ถอนการติดตั้งและติดตั้งแอปใหม่
รูปภาพไม่แสดง

สาเหตุ: เส้นทางไฟล์รูปภาพมีการเปลี่ยนแปลง หรือไฟล์เสียหาย

วิธีแก้ไข:

  1. กู้คืนใหม่โดยใช้ไฟล์สำรองข้อมูลรูปแบบ ZIP
  2. เพิ่มรูปภาพใหม่ทีละรูป
  3. ใช้ฟังก์ชันอวตาร
  4. รีสตาร์ทแอป

ปัญหาเกี่ยวกับข้อมูล

ชื่อบริษัท/องค์กรว่างเปล่า

สาเหตุ: ไฟล์สำรองข้อมูลจากเวอร์ชันเก่า หรือปัญหาระหว่างการย้ายข้อมูล

วิธีแก้ไข:

  1. สร้างไฟล์สำรองข้อมูลใหม่ด้วยเวอร์ชันล่าสุด
  2. แก้ไขข้อมูลบุคคลและป้อนชื่อบริษัทใหม่ทีละรายการ
  3. ตรวจสอบว่าโหมดธุรกิจเปิดใช้งานอยู่หรือไม่
กำหนดการทบทวนถูกรีเซ็ต

สาเหตุ: การย้ายข้อมูลการทบทวนล้มเหลว

วิธีแก้ไข:

  1. เริ่มการทบทวนด้วยตนเอง
  2. แอปจะเรียนรู้กำหนดการใหม่
  3. ทำการทบทวนอย่างสม่ำเสมอ

ปัญหาเกี่ยวกับแอป

ฟีเจอร์เสียค่าบริการถูกล็อกหลังการอัปเดต

สาเหตุ: ต้องตรวจสอบใบเสร็จของร้านค้าอีกครั้งหลังการแก้ไขภายใน

วิธีแก้ไข:

  1. ไปที่ การตั้งค่า > การซื้อ > กู้คืนการซื้อ
  2. ตรวจสอบว่าเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Google/Apple เดียวกับตอนซื้อ
  3. รีสตาร์ทแอปหลังการกู้คืน
  4. หากกู้คืนล้มเหลว ให้อัปเดตร้าน Google Play/App Store เป็นเวอร์ชันล่าสุด
  5. หากยังไม่สำเร็จ โปรดติดต่อ ฝ่ายสนับสนุน
การตรวจจับใบหน้าไม่ทำงาน

สาเหตุ: ยังไม่ได้ให้สิทธิ์กล้อง หรือยังไม่ได้ดาวน์โหลดโมเดล ML

วิธีแก้ไข:

  1. ให้สิทธิ์กล้อง (การตั้งค่า OS > แอป > NameMemory > สิทธิ์)
  2. เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหนึ่งครั้งและรีสตาร์ทแอป (สำหรับการดาวน์โหลดโมเดลครั้งแรก)
  3. อัปเดต Google Play services (Android) หรืออัปเดตแอปเป็นเวอร์ชันล่าสุด
  4. ลองอีกครั้งในที่มีแสงสว่างเพียงพอและให้ใบหน้าอยู่ในกรอบชัดเจน
แอปไม่เปิด

สาเหตุ: แอปเสียหาย หรือปัญหาระบบ

วิธีแก้ไข:

  1. รีสตาร์ทอุปกรณ์
  2. ถอนการติดตั้งและติดตั้งแอปใหม่
  3. ตรวจสอบพื้นที่เก็บข้อมูล
  4. อัปเดต OS เป็นเวอร์ชันล่าสุด
ข้อผิดพลาดอื่นๆ

วิธีแก้ไขทั่วไป:

  1. รีสตาร์ทแอป
  2. รีสตาร์ทอุปกรณ์
  3. อัปเดตแอปเป็นเวอร์ชันล่าสุด
  4. สำรองข้อมูลและรีเซ็ตแอป
  5. ติดต่อฝ่ายสนับสนุน

ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขใช่ไหม?

หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการย้ายข้อมูลหรือการอัปเกรดเวอร์ชัน โปรดติดต่อเรา

ติดต่อเรา